ชุมชนออนไลน์สนม อ.สนม จ.สุรินทร์: "อ่างเก็บน้ำบ้านผือ" แหล่งท่องเที่ยววิถีชนบท อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์

ทริปนี้สบายๆ ขอใช้ภาษาแบบบ้านๆ ก็แล้วกัน เพราะอยู่ในส่วนท่องเที่ยว ใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ในการเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจใน 3 จุดท่องเที่ยวนี้ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำบ้านผือ, วัดสว่างบ้านผือ และร้านอาหารโค้ง คันทรี สำหรับผู้ที่ต้องใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2079 ระหว่างอำเภอรัตนบุรี กับอำเภอศรีขรภูมิ สละเวลาแวะเที่ยวสักนิด แล้วจะพบว่าวิเศษจริงๆ

ภาพต่อไปนี้ คือ "อ่างเก็บน้ำบ้านผือ" ดูๆ ไปคล้ายกับเทคนี้เหมือนการจับวางก็ว่าได้ ไม่รู้ว่าชาวบ้านนัดแนะกันมาหรืออย่างไร เหตุใดจึงลงตัวเยี่ยงนี้.... ทอดสายตาออกไปตามเวิ้งอ่างเก็บน้ำเบื้องหน้า เจอน้ำกับท้องฟ้าและมีป่าไม้คั่นกลาง ทำให้ใจนิ่งสงบดีไม่น้อย

อีกด้านตรงข้ามของสันเขื่อนถนนลาดยาง พบฝูงควายที่ชาวบ้านนำมาเลี้ยงกินหญ้า ณ จุดแห่งนี้เป็นประจำ เมื่อครั้งสมัยเด็กประถมฯ จนถึงระดับชั้นมัธยม ข้าพเจ้า (ผู้เขียน) ได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่ อ.รัตนบุรี ในช่วงทุกๆ ปิดเทอมใหญ่ และมักวิ่งออกกำลังกายผ่านเส้นทางด้านหลังโรงพยาบาลรัตนบุรีมายัง "อ่างเก็บน้ำบ้านผือ" อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง และก็พบเห็นฝูงควายมากินหญ้าที่เนินเขื่อนนี้เป็นประจำ และทุกวันนี้ก็มิได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก ที่จะเปลี่ยนไปบ้างคงจะเป็นคนเลี้ยงควายเสียกระมัง.... (ยิ้ม) เมื่อเห็นแล้วอดคิดตามไม่ได้ว่า คนเลี้ยงควายที่นั่งนิ่งๆ บ้างก็นอนเล่น อยากรู้จังว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่หนอ.... ในขณะที่อีกด้านแห่งชีวิตของใครหลายๆ คน วุ่นวายอยู่กับการทำงานไม่จบไม่สิ้นเอาเสียเลย...

อีกหนึ่งอิริยาบถที่ดูจะผ่อนคลายไม่น้อย ถ้าหากได้ล่องเรือเก็บสายบัว ดอกบัว โดยจะพบเรือแจวเรือพายของชาวบ้านตามภาพ จอดอยู่ริมฝั่งน้ำค่อนข้างเยอะเหมือนกัน และไม่ต้องตกใจไป...เพราะน้ำไม่ลึกอย่างที่คิด ตรงไหนมีดอกบัว ตรงนั้นน้ำท่วมสูงสุดแค่ประมาณหน้าอกเราเท่านั้นเอง

ภาพข้างบน เห็นน้ำเต็มลำเรือ อย่าเข้าใจผิดคิดว่าเรือรั่ว หาเป็นเช่นนั้นไม่ ชาวบ้านบอก เมื่อคืนฝนตก ยังไม่ได้วิดน้ำออกจากเรือ น้ำก็เต็มลำเรืออย่างที่เห็น ลำเขียวกับลำกลางจะใ้ช้งาันชั่วคราวก่อนก็วิดๆ น้ำออกไปก่อน....อ้อ........ก็ถึงบางอ้อกันเลย

ได้เห็น ได้แล อะไรอีกเยอะ เกี่ยวกับวิถีการดำเนินชีวิตของชาวบ้านที่นี่อย่างหลากหลายรูปแบบวิธี โดยเฉพาะวิธีหาจับสัตว์น้ำที่แตกต่างกันไป ดังภาพ...พบชายเสื้อสีแสด กำลังจัดแจงวางอุปกรณ์ดักกุ้งอยู่ ได้เยอะๆ ก็เอาไปทำปลาจ่อม (ปลาจ่อม อีสานเรียก "ปลาน้อย" หรือ "ปลาน่อย")

ถัดมา...ก็พบชาวบ้านนั่งตกปลา หลากหลายอิริยาบถ บ้างก็จับคู่นั่งคุยกัน บ้างก็นอนมือแตะคันเบ็ดไว้ (ขำ) บ้างก็นั่งรอปลาตาแข็งทื่อ....อย่างตั้งอกตั้งใจ สำหรับเหยื่อปลานั้นคือ ใส้เดือน (ใส้เดือน ภาษาอีสานแถบนี้เรียก "ขี้จักโรย" หรือ "ขี่จั๊กโรย")

ปลาที่ชาวบ้านตกปลาได้ส่วนใหญ่ คือ ปลาหมอ (ภาพบน คือ ปลาหมอ ภาษาอีสานเรียก "ปลาเข็ง") ส่วนภาพล่าง คือ ปลาข่อน คำว่า "ปลาข่อน" เป็นภาษาอีสาน "ปลาข่อน" เป็นคำที่ใช้เรียกปลาที่ได้มาจากบ่อน้ำเล็กๆ ในนาข้าว (บ่อน้ำเล็กๆ ในนา ภาษาอีสานเรียก "บวก") ส่วนใหญ่มักพบที่มุมคันนา (มุมคันนา ภาษาอีสานเรียก "แจ") และปลาข่อน ไม่จำกัดกัดชนิดของปลา คือ ปลาที่ได้มาทั้งหมด เรียกรวมกันเพื่อให้เข้าใจอย่างง่ายว่า "ปลาข่อน"

เมื่อมองจากสันเขื่อนอ่างเก็บน้ำบ้านผือในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะเห็นประตูทางเข้า "วัดสว่างบ้านผือ" อยู่เบื้องหน้า

วัดสว่างบ้านผือ จัดได้ว่าเป็นวัดที่มีความเก่าแก่ และมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน และน่าเลื่อมใสยิ่งๆ ขึ้นไปอีก เื่มื่อข้าพเจ้าได้ไปสอบถามทางวัดเพื่อขอพบเจ้าอาวาส แต่เจ้าอาวาสเข้ากัมมัฏฐานอยู่ ทั้งที่เป็นช่วงกลางวัน ก็เลยพลาดข้อมูลความเป็นมาของวัดแห่งนี้ เมื่อโอกาสหน้ามาถึง จะรีบนำประวัติของวัดสว่างบ้านผือ มาลงไว้ให้ได้อ่านกัน....

เมื่อได้เวลาหิว ขอแนะนำร้านอาหาร "โค้ง คันทรี" อยู่้ช่วงทางโค้งของบ้านผือ และเป็นทางผ่านไปยัง อ่างเก็บน้ำบ้านผือ ไม่ไกลนักห่างจากวัดสว่างบ้านผือประมาณ 300 เมตร ขอเอ่ยชมความอร่อยก่อนเลย คือ ก๋วยเตี๋ยวไก่รสต้มยำมะระ อร่อยจริงๆ ถ้าจะใช้คำเปรียบๆ วัยรุ่นหน่อย ก็ต้องบอกว่า รสแซ่บขั้นเทพ ส่วนจะเป็นเทพไหน ก็เอาไปเลย... โทรชิมลิ้มรสกันดู ที่เบอร์โทร. 083 939 8271 ชาวบ้านแถบนี้เรียกกันในนามว่า "หนวดคันทรี" (ก๋วยเตี๋ยวไก่ต้มยำมะระ แซ่บถึงใจจริงๆ ไม่รู้ว่าใส่อะไร ถึงได้อร่อยนักหนา เห้อ...ข้าพเจ้าเบิ้ลสองชามคนเดียวสะงั้น)